ห้ามพลาด 10 สถาน ที่ ท่องเที่ยว โอ ซา ก้า

โอซาก้า (Osaka) ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตคันไซ และเป็นศูนย์กลางของเขตคันไซ ยังมีสนามบินใหญ่ที่สะดวกสบาย ต่อการเดินทาง 

นั่นก็คือสนามบินคันไซ Kansai Airport ที่เดินทางเชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆ โดยง่าย และช่วงใบไม้แดง หรือ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี นั้น ที่เขตคันไซ ก็ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น ส่วนช่วงอื่นๆ ก็สวยไม่แพ้กัน หลายท่านอยากรู้ว่าที่เที่ยวบริเวณโอซาก้าและโดยรอบ มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง ห้ามพลาด 10 สถาน ที่ ท่องเที่ยว โอ ซา ก้า วันนี้ก็เลยรวบรวมที่เด่นๆ บางส่วนที่ผมเคยได้มีโอกาสไปเยือนมา ทำมาสรุปให้ได้ชมกัน

1. ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) และ ย่านโดตมโบริ (Dotonbori)

ย่านชินไซบาชิ

ขอบคุณรูปภาพ: https://tourkrub.co/

ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) และ ย่านโดตมโบริ (Dotonbori) ถือว่า 2 ย่านดังของโอซาก้า ที่เรียกว่าพลาดไม่ได้เด็ดขาด ทั้ง 2 ย่านนี้ถูกเชื่อมถึงกัน ด้วยสะพานอิบิซึบาชิ (Ebisubashi Bridge) ทั้ง 2 ย่านจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมาย เหมาะกับการมาเดินเล่นช่วงเย็นๆ เป็นต้นไป

การเดินทาง

1.นั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดง Midosuji line มาลงที่สถานี่ Namba

2.นั่งรถไฟของ JR มาลงที่สถานี่ Namba ก็ได้เช่นกันครับ สำหรับคนที่มี Pass ของ JR

เลือกเอานะครับว่าสะดวกแบบไหน ตรงไหนใกล้กว่า

2. ป้ายกูลิโกะรุ่นที่ 6 (จอภาพ LED)

ขอบคุณรูปภาพ: http://www.nontdesign.com/

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของโอซาก้า ที่ไม่ควรพลาดมาทำท่าชู 2 แขน ถ่ายรูปกับ ป้ายกูลิโกะ ซึ่งปัจจุบันดำเนินมาถึงป้ายรุ่นที่ 6 แล้ว โดยป้ายรุ่นนี้จะเป็นจอป้ายไฟ LED สามารถเคลื่อนไหวได้ โดยป้ายกูลิโกะนี้ ตั้งอยู่บริเวณสะพานอิบิซึบาชิ (Ebisubashi Bridge) ที่เชื่มระหว่างย่าน ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) และ ย่านโดตมโบริ (Dotonbori)

การเดินทาง

1.นั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดง Midosuji line มาลงที่สถานี่ Namba

2.นั่งรถไฟของ JR มาลงที่สถานี่ Namba ก็ได้เช่นกันครับ สำหรับคนที่มี Pass ของ JR

เลือกเอานะครับว่าสะดวกแบบไหน ตรงไหนใกล้กว่า

3. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

ขอบคุณรูปภาพ: https://artralux.co.th/

ปราสาทโอซาก้า อีกหนึ่ง ที่ๆ ถ้ามาโอซาก้า แล้วไม่แวะมาที่นี่ก็ถือว่ามาไม่ถึงโอซาก้า นอกจากปราสาทแห่งนี้จะมีความสวยงามและใหญ่โตแล้ว ยังถือว่าเป็นปราสาทที่ทันสมัยที่สุด เพราะมีการติดตั้งลิฟต์เพื่ออำนวยความสะดวก เนื่องจากเดิมปราสาทแห่งนี้ถูกทำลายจากฟ้าผ่า ไฟไหม้ รวมถึงสงครามโลกครั้งที่สอง จึงได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี 1995

การเดินทาง

นั่งรถไฟของ JR จาก Kyoto กลับมาที่ Osaka ครับ แล้วก็ต่อ Subway มาลงทีสถานี Tanimachi 4-Chome ( Exit 1B)

4. ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine)

ขอบคุณรูปภาพ: https://www.japan.travel/

ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) เมืองเกียวโต หรือเรียกกันว่า ศาลเจ้าจิ้งจอกขาว ด้านหน้าทางเข้าศาลมีเสาโทริอิ ซึ่งแสดงถึงความเป็นศาลเจ้าเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์มาก

การเดินทาง

นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี อินาริ (Inari) เดินออกมาจากสถานีก็เจอประตูทางเข้าเลยครับ มาง่ายมาก

5. อุโมงค์เสาโทริอิ (Torii)

ขอบคุณรูปภาพ: https://www.govivigo.com/

ที่อยู่ใน ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) เมืองเกียวโต , เป็นอีกหนึ่งมุมฮิตที่สวยงาม อุโมงค์เสาโทริอิเรียงรายกันจำนวนมาก ซึ่งเสาโทริอิจำนวนมากมายนี้ก็มาจากการที่ผู้คนมาไหว้ขอพรให้ได้ตามสิ่งที่หวังไว้ พอได้ แล้วก็เลยนำเสาโทริอิ นี้มาถวายที่ศาลเจ้า คิดดูว่าต้องศักดิ์สิทธิ์ มากขนาดไหน ถึงได้มีเสาโทริอิมากมายขนาดนี้

การเดินทาง

1.นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี อินาริ (Inari) เดินออกมาจากสถานีก็เจอประตูทางเข้าเลยครับ มาง่ายมาก

6. วัดคิโยมิซึเดระ (Kiyomizu-dera Temple)

ขอบคุณรูปภาพ: https://www.incentivejapan.com/

อีกหนึ่งวัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเกียวโต นั่นก็คือ วัดคิโยมิซึเดระ (Kiyomizu-dera Temple) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ วัดน้ำใส และวัดแห่งนี้ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลก จาก UNESCO ที่นี่ต้องบอกเลยว่า สวยทุกช่วงเลย มาแต่ละช่วงก็จะทำให้ได้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป

* มีการปิดซ่อมแซมในส่วนของอาคารหลัก ตั้งแต่ มกราคม 2017 จะจนถึงปี 2020

การเดินทาง

มาได้หลายทางครับ แต่ผมเลือกวิธีที่ 2 นะ

1.โดยรถบัส : ออกจาก KYOTO Station ที่ Karasuma Exit (ด้านทิศเหนือของสถานี) ไปที่ป้าย Kyotoeki-mae ซึ่งเป็นจุดจอดรถประจำทางหลายสาย ดังนั้นที่ป้ายนี้จึงซอยเป็นป้ายย่อยๆหลายป้าย ให้ขึ้นรถประจำทางสาย 100 (ที่ป้าย D1) หรือ สาย 206 (ที่ป้าย D2) ทั้งสองสายลงที่ป้ายเดียวกันคือ Kiyomizu-michi (清水道) ใช้เวลาประมาณ 12 นาที (ราคาเดียว ¥220) จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 650 เมตร (13 นาที) ก็ถึง Kiyomizu-dera Temple #ข้อมูลจากเว็บขอบคุณครับ

2.โดยรถไฟ : ไปลงที่สถานี Kiyomizu-gojo (Exit4)สายสีชมพู หมายเลขที่ 2 จากนั้นเดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอวัดไปจริงไม่นิดอะครับ กิโล กว่าเลย มีป้ายบอกเป็นระยะครับ หาไม่ยาก แต่แนะนำให้ขึ้น Taxi ก็ได้นะครับ น่าจะประมาณ 750 เยน แต่พวกผมก็เดินทั้งขาไปและขากลับครับ ตอนที่ต่อรถไฟมา จากสถานี Tufukuji มา Kiyomizu-gojo มันจะใช้ Kansai area pass ไม่ได้นะครับ ผมก็หยอดตู้เอาครับ ไปอีก 2 สถานี 150 เยนครับ (ดันลืมเอาบัตร Suica ออกจากกระเป๋าที่ฝากไว้ Locker ซะนี่)

7. สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge)

ขอบคุณรูปภาพ: https://www.incentivejapan.com/

สะพานสะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของอาราชิยาม่า เลยก็ว่าได้ บริเวณนี้สวยงามมากทั้งช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงซากุระ ตลอด 2 ริมฝั่งแม่น้ำ มีต้นซากุระจำนวนมาก และด้านหลังสะพานแห่งนี้ก็จะมีภูเขาสูงใหญ่ ทำให้สะพานมีความสวยงามมาก

การเดินทาง

1.สำหรับคนที่ใช้ Kansai thru pass ให้นั่งรถไฟไปลงที่ สถานี ARASHIYAMA สาย HANKYU ARASHIYAMA Line

2.สำหรับคนที่ใช้ Pass อะไรก็ตาม ของรถไฟ JR ให้นั่งไปลงที่ สถานี Saga-Arashiyama ได้เลยครับ

8. วัด Temryu-ji Zen

ขอบคุณรูปภาพ: https://th.tripadvisor.com/

ใน 5 ของวัดดังเก่าแก่ของนิกายเซน และที่นี่ยังมีสวนที่มีลักษณะที่ถูกต้อง ตามแบบสวนของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวนิผมมานั่งตรงระเบียงวัด เพื่อนั่งชมสวนครับ

การเดินทาง

เดินมาจากสะพาน Togetsukyo ตามถนนมาประมาณ 50 เมตร มองซ้ายมือไว้ จะเจอทางเข้าวัดครับ

ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 500 เยน , เด็ก 300 เยน (ราคานี้เฉพาะเข้าสวนนะครับ ถ้าเข้าตัววัดจะต้องเพิ่มอีก 100 เยน)

9. ป่าไผ่ Arashiyama

ขอบคุณรูปภาพ: https://artralux.co.th/

ป่าไผ่ Arashiyama เมืองเกียวโต , Arashiyama สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่น และที่นี่ยังมีป่าไผ่ที่สวยงามแปลกตา เพราะต้นไผ่ที่ญี่ปุ่นจะไม่ได้ขึ้นเป็นกอๆ เหมือนที่บ้านเรา แต่ที่นี่จะขึ้นเป็นต้นๆ แยกกันเลย ภายในป่าไผ่ก็จะมีทางเดินยาว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปได้ตลอดเส้นทาง

การเดินทาง

1.นั่งรถไฟ Romantic train มาลงที่สถานี Arashiyama ออกมาแล้วเลี้ยวซ้ายเดินขึ้นไปอีกนิดก็จะเจอ หรือ

2.เดินผ่านมาทางสวนหลังวัด Temryu-ji Zen ออกมาก็จะเจอป่าไผ่ครับ จริงๆ แถวนี้มันก็เดินมาหากันได้หมดครับ

10. วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple)

ขอบคุณรูปภาพ: https://chillchilljapan.com/

วัดคินคะคุจิ เมืองเกียวโต หรือที่หลายคนเรียกว่าวัดทอง อีกหนึ่งสถานที่ต้องมา ที่นี่ทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไป และทัวร์ มากันเยอะมาก ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยเป็นพิเศษ และเรื่องราวของการ์ตูน อิกคิวซัง ก็อยู่วัดนี้ ซึ่งหลายคนอาจจะรู้จักกันมาจากการ์ตูน ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกว่าต้องมาดูมาชมซักครั้ง

การเดินทาง

1.ผมจะนั่งรถไฟ JR จากสถานี Saga-Arachiyama ไปลงสถานี Emmachi (ซื้อเพิ่ม 190 เยน เพราะ Kansai thru pass ใช้กับรถไฟ JR ไม่ได้)

2.เดินไปขึ้นรถเมล์สาย 204 , 205 จากสถานี ที่ป้าย Nishhinokyo Emmachi ไปลงป้าย Kinkakuji-mae (ใช้ Kansai thru pass ได้) ห้ามพลาด 10 สถาน ที่ ท่องเที่ยว โอ ซา ก้า

ขอบคุณข้อความจาก

https://www.axa.co.th/

สนับสนุนโดย 

waw11